ช่องทางทำกิน:ขายข้าวสวยร้อนๆช้อนเงินเข้ากระเป๋า
Source - เดลินิวส์ (Th)
Saturday, April 05, 2003 13:47
อาหารหลักของคนไทยและชาวเอเชียคือ ข้าว ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ซึ่งชาวเอเชียด้วยกันล้วนมีพฤติกรรมการ กิน คล้ายคลึงกัน
สำหรับคนไทยแล้วเรารับประทานข้าวสวย ซึ่งเป็นข้าวสวยและข้าวเหนียวนึ่งกับกับข้าวเป็นอาหารมื้อ หลัก ๆ ร้านขายข้าวราดแกงจึงมีขายให้เห็นอยู่ทั่วไป และร้านเหล่านี้ก็มีการหุงข้าวสวยขายควบคู่ไปด้วย
การหุงข้าวสวยขายอย่างเดียวเป็นล่ำเป็นสัน สร้างอาชีพและรายได้ให้กับผู้ขายพอสมควร เพราะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่เมื่อเลิกงานแล้วไม่ต้องกลับไปหุงข้าวที่บ้าน เพียงแค่เแวะซื้อข้าวสวยถุงละ 5-8 บาท ซื้อกับข้าวตามต้องการ หรือจะไปเจียวไข่ตามใจชอบก็สะดวก ประหยัดเวลาและประหยัดเงินอีกต่างหาก
ส่วนวิธีการหุงข้าวสวยขายนั้น อาจจะมองกันว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่มันไม่ง่ายเหมือนที่คิด เพราะจะต้องมีการจัดการที่ดี ไม่งั้นข้าวบูดก่อนขายหมดละก็เจ๊งเป็นแน่
วันนี้ ช่องทางทำกิน จึงพาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชมกรรมวิธีการหุงข้าวสวยขาย ของ ธงชัย อัศวเทพอุทัย เจ้าของร้าน ฟุ้ง ข้าวสวย ที่ซอยวิภาวดี 64 หรือซอยมหานครและที่ซอยวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ ***ข้อมูลจาก เดลินิวส์ (Th) Saturday, April 05, 2003 13:47***
เขาเคยเรียนหนังสือระดับปริญญาตรี แต่เกเรและเล่นการพนัน ขอเงินแม่ใช้ไปวัน ๆ ต่อมาเพื่อนร่วมก๊วนไปบวชและมาเตือนสติเขาให้สงสารแม่ จึงบอกครอบครัวว่าไม่ เรียนแล้วจะออกมาทำมาหากิน และเคยช่วยแม่ขายข้าวสวยอยู่ จึงคิดว่าตัวเองควรทำอะไรที่ใกล้ตัว
เขาจึงมาดูทำเลแถวย่านวิภาวดี ยังไม่มีคนขายเขาก็มาเริ่มขาย โดยการมาเช่าบ้านย่านนี้
แรก ๆ คนจะมองว่าเป็นเรื่องที่ตลกที่มาขายข้าวสวยอย่างเดียว จึงทำการโปรโมตโดยการแจกข้าวให้คนแถวนั้นลองกินกันทำให้เริ่มติดตลาด
อุปกรณ์หลักนั้นมี รังถึง 5 ชั้นเบอร์ 22, กะละมังเบอร์ 50, กระทะ, เตาแก๊ส, ถังแก๊ส, หม้อหุงข้าวแบบใช้แก๊ส, กล่องโฟม
ข้าวสารนั้นต้องสั่งมาคราวละ 100 กระสอบ จากโรงสีที่ตลาดพลู ฝั่งธนฯ จะได้ราคาถูกกว่าซื้อคราวละกระสอบ 100-200 บาท ใช้ข้าวเสาไห้และ ข้าวหอมมะลิ
ในการหุงข้าวขายนั้นต้องเลือกข้าวที่มีอายุยาวเพราะหุงออกมาจะอยู่ได้นานก็คือดูที่ข้าวที่มี ยางน้อย หุงออกมาข้าวจะซุยไม่เหนียวและไม่เกาะกันเป็นก้อน แต่ถ้าข้าวที่หุงมาแล้วเหนียวและเกาะกันเป็นก้อนไม่ควรนำมา หุงขาย
ข้าวที่ดีต้องอยู่ได้ถึง 24 ชั่วโมง...โดยไม่มีกลิ่นบูด...?
ไม่ควรเปลี่ยนตัวข้าวบ่อยเพราะข้าวแต่ละชนิด จะใช้ปริมาณน้ำในการหุงไม่เท่ากันหรือถ้าจะเปลี่ยนก็ควรนำข้าวตัวใหม่มาทดลองหุงดูก่อน
วิธีการหุงข้าวนั้นมี 2 แบบ การนึ่งข้าวด้วยรังถึงจะได้ข้าวที่มีกลิ่นหอมชวนรับประทานและกินอร่อยกว่าการหุงด้วยหม้อหุงข้าวแก๊สหรือหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เพราะการหุงด้วยหม้อแก๊สหรือไฟฟ้านั้น ข้าวก้นหม้อจะไหม้และมีกลิ่นขึ้นมาติดที่ตัวข้าวสวย
แต่การนึ่งจะใช้เวลานานถึงสองชั่วโมงครึ่ง การหุงใช้เวลาเพียงสามสิบนาที ธงชัยจึงนึ่งข้าวได้เพียงช่วงเช้าครั้งเดียวหลังจากนั้นต้องใช้หม้อหุง ไม่อย่างนั้นไม่ทันขาย
เขาจะเริ่มนึ่งข้าวตอนตี 1 นำข้าวสาร 5 กก. ใส่ กะละมังล้างข้าว 1-2 ครั้ง ใส่น้ำลงไปใหม่ให้ท่วมฝ่ามือ ทั้งหมด 5 กะละมัง นำไปใส่ในรังถึงทั้ง 5 ชั้นซ้อนกัน
นำกระทะไปตั้ง บนเตาแก๊สแล้วใส่น้ำไปใน กระทะให้เกือบเต็มแล้วยกรังถึงขึ้นวางบนกระทะ
ในการนึ่งต้องใช้ไฟแรงและสม่ำเสมอ ต้องหาอะไรมาบังลมเพราะถ้าลมพัดไฟไปข้างใดข้างหนึ่งข้าวจะสุก ไม่ทั่ว
การนึ่งข้าวด้วยรังถึงสูตรนี้หากเป็น ข้าวเสาไห้ 1 กะละมัง หรือข้าวสาร 5 กก. จะกรอกใส่ถุงละ 4.6 กรัม ได้ 32 ถุง ถ้าเป็น ข้าวหอมมะลิ ใส่ถุงละ 4.3 กรัม ได้ 35 ถุง
รวมทั้ง 5 ชั้น ข้าวเสาไห้จะกรอกใส่ถุงขายได้ 160 ถุง ถ้าเป็นข้าวหอมมะลิจะได้ 175 ถุง ขายถุงละ 5 บาทเท่ากัน
และในช่วงบ่ายก็จะหุงด้วยหม้อหุงข้าวแก๊สขนาด 8 ลิตร มีถ้วยตวงถ้วยละ 1 ลิตรมาให้ ตักข้าวสาร 8 ลิตร ล้างหรือซาวข้าวสัก 1 หรือ 2 น้ำ ดูความสะอาดของข้าว ข้าวเสาไห้ใส่น้ำสะอาดลงไป 9 ลิตร ข้าวหอมมะลิใส่น้ำ 8 ลิตร ปิดฝาหม้อเปิดหัวแก๊สกดสวิตช์
รอประมาณ 20 นาทีข้าวก็จะสุกแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้อีกประมาณ 10 นาที เพื่อให้ข้าวระอุต่อจากนั้นก็ตักใส่ถุงแล้วบรรจุลงกล่องโฟมเพื่อนำออกไปขาย
ข้าวสาร 8 ลิตรนี้ จะได้ข้าวสวยข้าวเสาไห้ 49 ถุง ข้าวหอมมะลิจะได้ 44 ถุง
ธงชัยบอกว่าเขาเริ่มออกขายตั้งแต่เช้าก็ขายได้เรื่อย ๆ ทั้งวัน แต่ช่วงที่ขายดีที่สุดก็คือตอน สี่โมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม
วันหนึ่ง ๆ เขาจะขายได้ 600-700 ถุง/วัน ได้เงินประมาณ 3,000-3,500 บาท ต้นทุนอยู่ที่ 2,000-2,500 บาท
เคล็ดลับในการรักษาข้าวให้ขายได้ทั้งวัน โดยไม่บูดเน่าต้องทิ้งไปเสียก่อนนั้น ธงชัยแนะว่า เมื่อข้าวสุกใช้ได้แล้วต้องรีบตักใส่ถุงให้เร็วที่สุด เพราะจะต้องรักษาความร้อนของข้าวเอาไว้และไม่ควรให้ข้าวโดนลม ข้าวจะแข็ง และการที่ต้องเก็บไว้ในกล่องโฟมก็เพื่อที่จะรักษาความร้อนของข้าวไว้ให้นานที่สุด ถ้ายิ่งบรรจุแน่นยิ่งดีเพราะข้าวจะรักษาความร้อนได้นานเพิ่มขึ้น
--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 6 เม.ย. 2546--
***ข้อมูลจาก เดลินิวส์ (Th) Saturday, April 05, 2003 13:47***